ราคา ลิ้นชักเก็บเงิน Cash Drawer ราคาขายส่ง ลิ้นชักเก็บเงิน จำหน่าย ลิ้นชักเก็บเงิน ในราคาขายส่ง
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บาร์โค้ด แต่ละประเภท แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บาร์โค้ด แต่ละประเภท แสดงบทความทั้งหมด
วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556
บาร์โค้ด แต่ละประเภท เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
บาร์โค้ด แต่ละประเภท เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ดูข้อมูล เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.vayomerchant.com/pos/Barcode-Printer
บริษัทขายส่ง อุปกรณ์ POS & IT และ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ครบวงจร
ชนิดของบาร์โค้ด - GTIN 13 เป็นบาร์โค้ดที่ใช้ติดบนสินค้าสำหรับขายปลีกทั่วไป
- GTIN 14 เป็นบาร์โค้ดใช้สำหรับสินค้าค้าส่ง โดยสามารถบอกถึงความแตกต่างของหน่วยบรรจุภัณฑ์
- GS1-128 เป็นบาร์โค้ดที่สามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งตัวเลขและตัวอักษร จึงสามารถบันทึกข้อมูลของสินค้าได้มาก เช่น หน่วยวัดต่างๆ,เลขหมายลำดับการขนส่ง,เลขหมาย batch/lot,วันหมดอายุและสถานที่ตั้ง เป็นต้น ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนและระบบการสืบค้นย้อนกลับ (traceability) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10 ขั้นตอนการประยุกต์ใช้บาร์โค้ด 10 ขั้นตอนการประยุกต์ใช้บาร์โค้ด เพื่อยกระดับในการดำเนินธุรกิจ เป็นการรวบรวมกระบวนการหลักที่สำคัญของการใช้งานบาร์โค้ดให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพต่อการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งสามารถนำไปพัฒนาหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการใช้งานบาร์โค้ดได้อย่างแท้จริง โดย 10 ขั้นตอนมีดังนี้ Step 1 การกำหนดเลขหมายนำหน้าบริษัท Step 2 การกำหนดเลขหมายประจำตัวสินค้า Step 3 การเลือกวิธีจัดพิมพ์บาร์โค้ด Step 4 การเลือกคุณลักษณะขั้นต้นของการสแกนบาร์โค้ด Step 5 การเลือกใช้บาร์โค้ดสำหรับผลิตภัณฑ์ Step 6 การเลือกขนาดของบาร์โค้ด Step 7 รูปแบบการกำหนดตัวอักษรในบาร์โค้ด Step 8 การเลือกคู่สีของแท่งบาร์โค้ด Step 9 การวางตำแหน่งบาร์โค้ด Step 10 วางแผนควบคุมคุณภาพบาร์โค้ด
การตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด ปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีบาร์โค้ดตามระบบมาตรฐานสากล GS1 ในการบริหารจัดการร่วมกับ Software ต่าง ๆ ในการดำเนินงานธุรกิจอย่างกว้างขวาง เช่น การชำระเงิน ณ จุดขาย, การสแกนรับสินค้าเข้า Stock หรือตัดจ่ายสินค้าออกจาก Stock, การบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ทางด้าน Traceability เป็นต้น และสามารถใช้งานได้กับทุกหน่วยงานใน Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้เล็งเห็นความสำคัญของบาร์โค้ดมากขึ้น สังเกตได้จากมีการตั้งข้อกำหนดทางการค้าที่เกี่ยวกับบาร์โค้ดเกิดขึ้น เช่น ในการนำสินค้าเข้าห้างต้องมีการติดบาร์โค้ดที่ตัวสินค้า หรือการติดต่อค้าขายกับบางประเทศจะมีการขอใบรับรองคุณภาพบาร์โค้ด ซึ่งหากบาร์โค้ดของสินค้ามีปัญหาไม่สามารถสแกนได้จะเกิดผลกระทบตลอดทั้ง Supply Chain บาร์โค้ดจึงเป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินธุรกิจ การตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด (Barcode Verification) ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆ จุดของ Supply Chain และมั่นใจได้ว่าบาร์โค้ดที่ผลิตออกมาในแต่ละ Lot ได้คุณภาพหรือไม่นั้น จำเป็นต้องมีการการทดสอบ และเปรียบเทียบสัญลักษณ์กับมาตรฐานคุณภาพของการพิมพ์ และข้อมูล เพื่อให้ทราบว่าบาร์โค้ดอ่านค่าได้ดีแค่ไหน เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าสัญลักษณ์ จะทำงานตรงตามวัตถุประสงค์ในทุก ๆ ขั้นตอนที่สินค้าเคลื่อนที่ในสาย Supply Chain เพื่อลดปัญหาระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ หรือต้นทุนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งในการตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดนั้นไม่สามารถใช้เครื่องสแกนทั่วไปในการตรวจสอบได้ แต่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า Barcode Verifier เนื่องจากว่า เครื่องสแกนถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการอ่านเท่านั้น แต่เครื่อง Barcode Verifier จะถูกออกแบบมาเพื่อทำการวัดค่าต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของบาร์โค้ด และสามารถทราบได้ว่าต้องปรับปรุงบาร์โค้ดที่จุดใดเพื่อให้ได้คุณภาพตาม มาตรฐานที่กำหนด อีกทั้งเครื่องสแกนแต่ละตัวมีคุณสมบัติที่ต่างกัน เช่น ขนาดของรูรับแสง ระบบการถอดรหัส (decode algorithms) ดังนั้นถ้าเครื่องสแกนเครื่องหนึ่งสามารถอ่านได้ ไม่ได้หมายความว่าเครื่องสแกนเครื่องอื่นๆจะสามารถอ่านสัญลักษณ์บาร์โค้ดนี้ ได้เช่นเดียวกัน สถาบัน รหัสสากล ได้ให้บริการรับตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดตามมาตรฐาน ISO/IEC15416 และมาตรฐานสากล GS1 พร้อมทั้งออกใบรับรองผลการตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด โดยมีอัตราค่าตรวจสอบคุณภาพดังนี้ - สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสถาบันรหัสสากล มีค่าใช้จ่าย 500 บาทต่อ 1 ใบรับรอง - สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกสถาบันรหัสสากล ได้รับสิทธิประโยชน์ตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย 20 ใบรับรอง / ปี สำหรับหมายเลขที่เกินสิทธิประโยชน์มีอัตราค่าใช้จ่าย 250 บาท ต่อ 1 ใบรับรอง
การคำนวณตัวเลขตรวจสอบ (Check Digit) เลขตรวจสอบ (Check Digit) เป็นหมายเลขหลักสุดท้ายที่วางอยู่ในตำแหน่งขวาสุดของชุดตัวเลขบาร์โค้ด และ “Check Digit” นี้เกิดขึ้นจากการคำนวณเท่านั้น ซึ่งจะไม่สามารถระบุกำหนดค่าตัวเลขนี้เองได้ เนื่องจากหากมีการระบุให้หลักสุดท้ายเป็นเลข 9 หรือเลขอื่นตามที่ต้องการนั้น ทั้งๆ ที่ Check Digit ที่คำนวณออกมาไม่ใช่เลขนั้น ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นทันที คือ เครื่องสแกนเนอร์จะไม่สามารถอ่านค่าสัญลักษณ์บาร์โค้ดนั้นได้
คำนวณตัวเลขตรวจสอบ
เลขหมายประจำตัวสินค้า (Global Trade Item Number: GTIN) การระบุตัวตนของสินค้า (Identification of Trade Items) อาศัยเลขหมายประจำตัวสินค้าสากล (GTIN : Global Trade Item Number) โดยเลขหมายดังกล่าวใช้บ่งชี้เฉพาะรายการสินค้า ที่ใช้ในการทำธุรกรรมธุรกิจทั่วโลก ซึ่งหมายถึงรายการใดๆ ก็ตามไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้าหรือบริการ ที่สามารถใช้ในการอ้างอิงเพื่อจัดเก็บและค้นหาข้อมูลในระบบฐานข้อมูลระหว่างคู่ค้า อาทิเช่น ชนิดสินค้า, การกำหนดราคา, การสั่งซื้อ, หรือการจัดส่งสินค้า เป็นต้น โดยเลขหมายประจำตัวสินค้าจะประกอบด้วย รหัสประเทศ, เลขหมายประจำตัวสมาชิกหรือรหัสประจำตัวบริษัท, รหัสประจำตัวสินค้าที่ผู้ใช้งานเป็นผู้กำหนดเอง และตัวเลขตรวจสอบที่ได้จากการคำนวณ
เลขหมายประจำตำแหน่งที่ตั้ง (Global Location Number : GLN) เลขหมาย GLN ถูกนำมาใช้เพื่อบ่งชี้ การเป็นหน่วยงานที่ถูกต้องทางกฏหมายของการเป็นองกรหนึ่ง หรือบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เลขหมาย GLN นี้ยังถูกนำมาใช้บ่งชี้สถานที่ตั้งทางกายภาพ หรือหน้าที่ของหน่วยงาน และแผนกงานในองค์กร เลขหมายประจำตำแหน่งที่ตั้งสากล หรือ GLN เป็นเลขหมายบ่งชี้ที่ใช้แทนหน่วยที่ตั้งองค์กรทางกายภาพหรือหน่วยทางหน้าที่หรือหน่วยงานที่ถูกต้องทางกฏหมาย การใช้เลขหมายประจำตำแหน่งเหล่านี้ เป็นข้อกำหนดบังคับเบื่องต้น สำหรับการใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพ
DataBar : RSS (Reduced Space Symbology) GS1 DataBar คือบาร์โค้ดอีกรูปแบบหนึ่งที่มีขนาดเล็ก และบันทึกข้อมูลได้มากกว่าบาร์โค้ดในรูปแบบ EAN/UPC ซึ่งในอดีตมีชื่อเรียกว่า RSS (Reduced Space Symbology) โดยบาร์โค้ด GS1 DataBar นี้สามารถบรรจุข้อมูลที่สามารถทำการสืบย้อนกลับที่มาของสินค้าได้ ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกสามารถจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศที่ มีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบาร์โค้ด GS1 DataBar สามารถระบุการใช้งานร่วมกับหมายเลข Application Identifiers (AIs) เช่น ข้อมูลวันที่ผลิต, วันที่หมดอายุ, น้ำหนัก เป็นต้น จากความสามารถดังกล่าวทำให้ GS1 DataBarเป็นบาร์โค้ดที่เหมาะสมกับการระบุสินค้าที่มีหน่วยการขายไม่คงที่ (Variable measure product) เช่น อาหารสด ผลไม้ หรืออาจใช้กับสินค้าที่มีขนาดเล็ก เช่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงสินค้าที่มีราคาแพง เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมยา อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องสำอาง และอัญมณี เป็นต้น การ ใช้งานบาร์โค้ด GS1 DataBar นอกจากจะมีการใช้กับสินค้าปลีกแล้ว สามารถใช้กับสินค้าส่ง ณ จุดกระจายสินค้าได้อีกด้วย เนื่องจากโครงสร้างของ GS1 DataBar นั้นรองรับระบบ GTIN-14 ที่สามารถรวมอยู่ในสัญลักษณ์บาร์โค้ด GS1 DataBar จึงเป็นไปได้ว่าจะมีการใช้งาน DataBar เพื่อการกระจายสินค้าในอนาคต คณะกรรมการ GS1 Global ได้กำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นวันเริ่มต้นการใช้งาน GS1 DataBar อย่างเป็นทางการทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำ GS1 DataBar มาใช้ ณ จุด POS (Point-of-Sale) บ้างแล้ว โดยกำหนดให้ POS ทุกๆ จุดมีความพร้อมในการรองรับ GS1 DataBar ทั้งในส่วนของข้อมูลทางเทคนิค ขั้นตอนการระบุการใช้งาน Application Identifiers (AIs) และเครื่องมือที่ใช้สนับสนุนระบบการค้าปลีกทั้งหมด ประโยชน์ของ GS1 DataBar ที่มีต่อธุรกิจ 1. สามารถระบุความแตกต่างของสินค้าได้เป็นรายชิ้น 2. เพิ่มความแม่นยำในการบ่งชี้ตัวสินค้าที่มีปริมาณน้ำหนักที่ไม่แน่นอน 3. ลดกระบวนการควบคุมการทำงาน 4. เพิ่มความสามารถในการสืบย้อนกลับ 5. เพิ่มประสิทธิภาพในการเติมเต็มสินค้าในคลังสินค้า 6. จัดการในส่วนที่บาร์โค้ดในระบบเดิมไม่ครอบคลุม 7. ช่วยในการจัดการข้อมูลให้สะดวกขึ้น 8. สามารถใส่ราคาสินค้าได้มากกว่า 4 หลัก (ระบบเดิมระบุได้เพียง 99.99) 9. ช่วยจัดการข้อมูลเกี่ยวกับผู้จำหน่าย หรือวันที่หมดอายุ 10. ช่วยจัดการข้อมูลในส่วนของน้ำหนักสินค้า 11. เพิ่มความสามารถในการสแกนที่ใช้ร่วมกับสินค้าที่มีขนาดเล็ก 12. ทำให้ทราบถึง ECR (Efficient Consumer Response) 13. ตอบสนองความสามารถของผู้ซื้อสินค้าได้มากกว่าระบบบาร์โค้ด 14. ความสามารถในการควบคุมการลดราคาสินค้า 15. สามารถสืบย้อนกลับข้อมูลของประเทศผู้ผลิต 16. ความสามารถในการระงับการขายสินค้าที่หมดอายุ และการเรียกคืนสินค้า 17. เพิ่มความพอใจของลูกค้าที่สามารถสืบย้อนกลับข้อมูลของสินค้าได้ด้วยตนเอง
ตัวอย่างสัญลักษณ์ GS1 DataBar ในรูปแบบต่างๆ
1. GS1 DataBar Stacked Omnidirectional เหมาะสำหรับการระบุสินค้าอาหารสด และสินค้าที่มีขนาดเล็ก สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN เท่านั้น
2. GS1 DataBar Omnidirectional เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีขนาดเล็ก สามารถ
3. GS1 DataBar Expanded เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีปริมาตรน้ำหนักที่ไม่แน่นอน สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN และรายละเอียดที่จำเป็นเพิ่มเติมได้
4. GS1 DataBar Expanded Stacked เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีปริมาตรน้ำหนักที่ไม่แน่นอน สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN และรายละเอียดที่จำเป็นเพิ่มเติมได้
ดูข้อมูล เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.vayomerchant.com/pos/Barcode-Printer
บริษัทขายส่ง อุปกรณ์ POS & IT และ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ครบวงจร บาร์โค้ด แต่ละประเภท
วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556
บาร์โค้ด แต่ละประเภท เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
บาร์โค้ด แต่ละประเภท เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ดูข้อมูล เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.vayomerchant.com/pos/Barcode-Printer
บริษัทขายส่ง อุปกรณ์ POS & IT และ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ครบวงจร
ชนิดของบาร์โค้ด - GTIN 13 เป็นบาร์โค้ดที่ใช้ติดบนสินค้าสำหรับขายปลีกทั่วไป
- GTIN 14 เป็นบาร์โค้ดใช้สำหรับสินค้าค้าส่ง โดยสามารถบอกถึงความแตกต่างของหน่วยบรรจุภัณฑ์
- GS1-128 เป็นบาร์โค้ดที่สามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งตัวเลขและตัวอักษร จึงสามารถบันทึกข้อมูลของสินค้าได้มาก เช่น หน่วยวัดต่างๆ,เลขหมายลำดับการขนส่ง,เลขหมาย batch/lot,วันหมดอายุและสถานที่ตั้ง เป็นต้น ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนและระบบการสืบค้นย้อนกลับ (traceability) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10 ขั้นตอนการประยุกต์ใช้บาร์โค้ด 10 ขั้นตอนการประยุกต์ใช้บาร์โค้ด เพื่อยกระดับในการดำเนินธุรกิจ เป็นการรวบรวมกระบวนการหลักที่สำคัญของการใช้งานบาร์โค้ดให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพต่อการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งสามารถนำไปพัฒนาหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการใช้งานบาร์โค้ดได้อย่างแท้จริง โดย 10 ขั้นตอนมีดังนี้ Step 1 การกำหนดเลขหมายนำหน้าบริษัท Step 2 การกำหนดเลขหมายประจำตัวสินค้า Step 3 การเลือกวิธีจัดพิมพ์บาร์โค้ด Step 4 การเลือกคุณลักษณะขั้นต้นของการสแกนบาร์โค้ด Step 5 การเลือกใช้บาร์โค้ดสำหรับผลิตภัณฑ์ Step 6 การเลือกขนาดของบาร์โค้ด Step 7 รูปแบบการกำหนดตัวอักษรในบาร์โค้ด Step 8 การเลือกคู่สีของแท่งบาร์โค้ด Step 9 การวางตำแหน่งบาร์โค้ด Step 10 วางแผนควบคุมคุณภาพบาร์โค้ด
การตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด ปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีบาร์โค้ดตามระบบมาตรฐานสากล GS1 ในการบริหารจัดการร่วมกับ Software ต่าง ๆ ในการดำเนินงานธุรกิจอย่างกว้างขวาง เช่น การชำระเงิน ณ จุดขาย, การสแกนรับสินค้าเข้า Stock หรือตัดจ่ายสินค้าออกจาก Stock, การบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ทางด้าน Traceability เป็นต้น และสามารถใช้งานได้กับทุกหน่วยงานใน Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้เล็งเห็นความสำคัญของบาร์โค้ดมากขึ้น สังเกตได้จากมีการตั้งข้อกำหนดทางการค้าที่เกี่ยวกับบาร์โค้ดเกิดขึ้น เช่น ในการนำสินค้าเข้าห้างต้องมีการติดบาร์โค้ดที่ตัวสินค้า หรือการติดต่อค้าขายกับบางประเทศจะมีการขอใบรับรองคุณภาพบาร์โค้ด ซึ่งหากบาร์โค้ดของสินค้ามีปัญหาไม่สามารถสแกนได้จะเกิดผลกระทบตลอดทั้ง Supply Chain บาร์โค้ดจึงเป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินธุรกิจ การตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด (Barcode Verification) ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆ จุดของ Supply Chain และมั่นใจได้ว่าบาร์โค้ดที่ผลิตออกมาในแต่ละ Lot ได้คุณภาพหรือไม่นั้น จำเป็นต้องมีการการทดสอบ และเปรียบเทียบสัญลักษณ์กับมาตรฐานคุณภาพของการพิมพ์ และข้อมูล เพื่อให้ทราบว่าบาร์โค้ดอ่านค่าได้ดีแค่ไหน เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าสัญลักษณ์ จะทำงานตรงตามวัตถุประสงค์ในทุก ๆ ขั้นตอนที่สินค้าเคลื่อนที่ในสาย Supply Chain เพื่อลดปัญหาระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ หรือต้นทุนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งในการตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดนั้นไม่สามารถใช้เครื่องสแกนทั่วไปในการตรวจสอบได้ แต่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า Barcode Verifier เนื่องจากว่า เครื่องสแกนถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการอ่านเท่านั้น แต่เครื่อง Barcode Verifier จะถูกออกแบบมาเพื่อทำการวัดค่าต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของบาร์โค้ด และสามารถทราบได้ว่าต้องปรับปรุงบาร์โค้ดที่จุดใดเพื่อให้ได้คุณภาพตาม มาตรฐานที่กำหนด อีกทั้งเครื่องสแกนแต่ละตัวมีคุณสมบัติที่ต่างกัน เช่น ขนาดของรูรับแสง ระบบการถอดรหัส (decode algorithms) ดังนั้นถ้าเครื่องสแกนเครื่องหนึ่งสามารถอ่านได้ ไม่ได้หมายความว่าเครื่องสแกนเครื่องอื่นๆจะสามารถอ่านสัญลักษณ์บาร์โค้ดนี้ ได้เช่นเดียวกัน สถาบัน รหัสสากล ได้ให้บริการรับตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดตามมาตรฐาน ISO/IEC15416 และมาตรฐานสากล GS1 พร้อมทั้งออกใบรับรองผลการตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด โดยมีอัตราค่าตรวจสอบคุณภาพดังนี้ - สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสถาบันรหัสสากล มีค่าใช้จ่าย 500 บาทต่อ 1 ใบรับรอง - สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกสถาบันรหัสสากล ได้รับสิทธิประโยชน์ตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย 20 ใบรับรอง / ปี สำหรับหมายเลขที่เกินสิทธิประโยชน์มีอัตราค่าใช้จ่าย 250 บาท ต่อ 1 ใบรับรอง
การคำนวณตัวเลขตรวจสอบ (Check Digit) เลขตรวจสอบ (Check Digit) เป็นหมายเลขหลักสุดท้ายที่วางอยู่ในตำแหน่งขวาสุดของชุดตัวเลขบาร์โค้ด และ “Check Digit” นี้เกิดขึ้นจากการคำนวณเท่านั้น ซึ่งจะไม่สามารถระบุกำหนดค่าตัวเลขนี้เองได้ เนื่องจากหากมีการระบุให้หลักสุดท้ายเป็นเลข 9 หรือเลขอื่นตามที่ต้องการนั้น ทั้งๆ ที่ Check Digit ที่คำนวณออกมาไม่ใช่เลขนั้น ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นทันที คือ เครื่องสแกนเนอร์จะไม่สามารถอ่านค่าสัญลักษณ์บาร์โค้ดนั้นได้
คำนวณตัวเลขตรวจสอบ
เลขหมายประจำตัวสินค้า (Global Trade Item Number: GTIN) การระบุตัวตนของสินค้า (Identification of Trade Items) อาศัยเลขหมายประจำตัวสินค้าสากล (GTIN : Global Trade Item Number) โดยเลขหมายดังกล่าวใช้บ่งชี้เฉพาะรายการสินค้า ที่ใช้ในการทำธุรกรรมธุรกิจทั่วโลก ซึ่งหมายถึงรายการใดๆ ก็ตามไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้าหรือบริการ ที่สามารถใช้ในการอ้างอิงเพื่อจัดเก็บและค้นหาข้อมูลในระบบฐานข้อมูลระหว่างคู่ค้า อาทิเช่น ชนิดสินค้า, การกำหนดราคา, การสั่งซื้อ, หรือการจัดส่งสินค้า เป็นต้น โดยเลขหมายประจำตัวสินค้าจะประกอบด้วย รหัสประเทศ, เลขหมายประจำตัวสมาชิกหรือรหัสประจำตัวบริษัท, รหัสประจำตัวสินค้าที่ผู้ใช้งานเป็นผู้กำหนดเอง และตัวเลขตรวจสอบที่ได้จากการคำนวณ
เลขหมายประจำตำแหน่งที่ตั้ง (Global Location Number : GLN) เลขหมาย GLN ถูกนำมาใช้เพื่อบ่งชี้ การเป็นหน่วยงานที่ถูกต้องทางกฏหมายของการเป็นองกรหนึ่ง หรือบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เลขหมาย GLN นี้ยังถูกนำมาใช้บ่งชี้สถานที่ตั้งทางกายภาพ หรือหน้าที่ของหน่วยงาน และแผนกงานในองค์กร เลขหมายประจำตำแหน่งที่ตั้งสากล หรือ GLN เป็นเลขหมายบ่งชี้ที่ใช้แทนหน่วยที่ตั้งองค์กรทางกายภาพหรือหน่วยทางหน้าที่หรือหน่วยงานที่ถูกต้องทางกฏหมาย การใช้เลขหมายประจำตำแหน่งเหล่านี้ เป็นข้อกำหนดบังคับเบื่องต้น สำหรับการใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพ
DataBar : RSS (Reduced Space Symbology) GS1 DataBar คือบาร์โค้ดอีกรูปแบบหนึ่งที่มีขนาดเล็ก และบันทึกข้อมูลได้มากกว่าบาร์โค้ดในรูปแบบ EAN/UPC ซึ่งในอดีตมีชื่อเรียกว่า RSS (Reduced Space Symbology) โดยบาร์โค้ด GS1 DataBar นี้สามารถบรรจุข้อมูลที่สามารถทำการสืบย้อนกลับที่มาของสินค้าได้ ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกสามารถจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศที่ มีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบาร์โค้ด GS1 DataBar สามารถระบุการใช้งานร่วมกับหมายเลข Application Identifiers (AIs) เช่น ข้อมูลวันที่ผลิต, วันที่หมดอายุ, น้ำหนัก เป็นต้น จากความสามารถดังกล่าวทำให้ GS1 DataBarเป็นบาร์โค้ดที่เหมาะสมกับการระบุสินค้าที่มีหน่วยการขายไม่คงที่ (Variable measure product) เช่น อาหารสด ผลไม้ หรืออาจใช้กับสินค้าที่มีขนาดเล็ก เช่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงสินค้าที่มีราคาแพง เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมยา อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องสำอาง และอัญมณี เป็นต้น การ ใช้งานบาร์โค้ด GS1 DataBar นอกจากจะมีการใช้กับสินค้าปลีกแล้ว สามารถใช้กับสินค้าส่ง ณ จุดกระจายสินค้าได้อีกด้วย เนื่องจากโครงสร้างของ GS1 DataBar นั้นรองรับระบบ GTIN-14 ที่สามารถรวมอยู่ในสัญลักษณ์บาร์โค้ด GS1 DataBar จึงเป็นไปได้ว่าจะมีการใช้งาน DataBar เพื่อการกระจายสินค้าในอนาคต คณะกรรมการ GS1 Global ได้กำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นวันเริ่มต้นการใช้งาน GS1 DataBar อย่างเป็นทางการทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำ GS1 DataBar มาใช้ ณ จุด POS (Point-of-Sale) บ้างแล้ว โดยกำหนดให้ POS ทุกๆ จุดมีความพร้อมในการรองรับ GS1 DataBar ทั้งในส่วนของข้อมูลทางเทคนิค ขั้นตอนการระบุการใช้งาน Application Identifiers (AIs) และเครื่องมือที่ใช้สนับสนุนระบบการค้าปลีกทั้งหมด ประโยชน์ของ GS1 DataBar ที่มีต่อธุรกิจ 1. สามารถระบุความแตกต่างของสินค้าได้เป็นรายชิ้น 2. เพิ่มความแม่นยำในการบ่งชี้ตัวสินค้าที่มีปริมาณน้ำหนักที่ไม่แน่นอน 3. ลดกระบวนการควบคุมการทำงาน 4. เพิ่มความสามารถในการสืบย้อนกลับ 5. เพิ่มประสิทธิภาพในการเติมเต็มสินค้าในคลังสินค้า 6. จัดการในส่วนที่บาร์โค้ดในระบบเดิมไม่ครอบคลุม 7. ช่วยในการจัดการข้อมูลให้สะดวกขึ้น 8. สามารถใส่ราคาสินค้าได้มากกว่า 4 หลัก (ระบบเดิมระบุได้เพียง 99.99) 9. ช่วยจัดการข้อมูลเกี่ยวกับผู้จำหน่าย หรือวันที่หมดอายุ 10. ช่วยจัดการข้อมูลในส่วนของน้ำหนักสินค้า 11. เพิ่มความสามารถในการสแกนที่ใช้ร่วมกับสินค้าที่มีขนาดเล็ก 12. ทำให้ทราบถึง ECR (Efficient Consumer Response) 13. ตอบสนองความสามารถของผู้ซื้อสินค้าได้มากกว่าระบบบาร์โค้ด 14. ความสามารถในการควบคุมการลดราคาสินค้า 15. สามารถสืบย้อนกลับข้อมูลของประเทศผู้ผลิต 16. ความสามารถในการระงับการขายสินค้าที่หมดอายุ และการเรียกคืนสินค้า 17. เพิ่มความพอใจของลูกค้าที่สามารถสืบย้อนกลับข้อมูลของสินค้าได้ด้วยตนเอง
ตัวอย่างสัญลักษณ์ GS1 DataBar ในรูปแบบต่างๆ
1. GS1 DataBar Stacked Omnidirectional เหมาะสำหรับการระบุสินค้าอาหารสด และสินค้าที่มีขนาดเล็ก สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN เท่านั้น
2. GS1 DataBar Omnidirectional เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีขนาดเล็ก สามารถ
3. GS1 DataBar Expanded เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีปริมาตรน้ำหนักที่ไม่แน่นอน สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN และรายละเอียดที่จำเป็นเพิ่มเติมได้
4. GS1 DataBar Expanded Stacked เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีปริมาตรน้ำหนักที่ไม่แน่นอน สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN และรายละเอียดที่จำเป็นเพิ่มเติมได้
ดูข้อมูล เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.vayomerchant.com/pos/Barcode-Printer
บริษัทขายส่ง อุปกรณ์ POS & IT และ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ครบวงจร บาร์โค้ด แต่ละประเภท
บาร์โค้ด แต่ละประเภท เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
บาร์โค้ด แต่ละประเภท เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ดูข้อมูล เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.vayomerchant.com/pos/Barcode-Printer
บริษัทขายส่ง อุปกรณ์ POS & IT และ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ครบวงจร
ชนิดของบาร์โค้ด - GTIN 13 เป็นบาร์โค้ดที่ใช้ติดบนสินค้าสำหรับขายปลีกทั่วไป
- GTIN 14 เป็นบาร์โค้ดใช้สำหรับสินค้าค้าส่ง โดยสามารถบอกถึงความแตกต่างของหน่วยบรรจุภัณฑ์
- GS1-128 เป็นบาร์โค้ดที่สามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งตัวเลขและตัวอักษร จึงสามารถบันทึกข้อมูลของสินค้าได้มาก เช่น หน่วยวัดต่างๆ,เลขหมายลำดับการขนส่ง,เลขหมาย batch/lot,วันหมดอายุและสถานที่ตั้ง เป็นต้น ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนและระบบการสืบค้นย้อนกลับ (traceability) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10 ขั้นตอนการประยุกต์ใช้บาร์โค้ด 10 ขั้นตอนการประยุกต์ใช้บาร์โค้ด เพื่อยกระดับในการดำเนินธุรกิจ เป็นการรวบรวมกระบวนการหลักที่สำคัญของการใช้งานบาร์โค้ดให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพต่อการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งสามารถนำไปพัฒนาหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการใช้งานบาร์โค้ดได้อย่างแท้จริง โดย 10 ขั้นตอนมีดังนี้ Step 1 การกำหนดเลขหมายนำหน้าบริษัท Step 2 การกำหนดเลขหมายประจำตัวสินค้า Step 3 การเลือกวิธีจัดพิมพ์บาร์โค้ด Step 4 การเลือกคุณลักษณะขั้นต้นของการสแกนบาร์โค้ด Step 5 การเลือกใช้บาร์โค้ดสำหรับผลิตภัณฑ์ Step 6 การเลือกขนาดของบาร์โค้ด Step 7 รูปแบบการกำหนดตัวอักษรในบาร์โค้ด Step 8 การเลือกคู่สีของแท่งบาร์โค้ด Step 9 การวางตำแหน่งบาร์โค้ด Step 10 วางแผนควบคุมคุณภาพบาร์โค้ด
การตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด ปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีบาร์โค้ดตามระบบมาตรฐานสากล GS1 ในการบริหารจัดการร่วมกับ Software ต่าง ๆ ในการดำเนินงานธุรกิจอย่างกว้างขวาง เช่น การชำระเงิน ณ จุดขาย, การสแกนรับสินค้าเข้า Stock หรือตัดจ่ายสินค้าออกจาก Stock, การบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ทางด้าน Traceability เป็นต้น และสามารถใช้งานได้กับทุกหน่วยงานใน Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้เล็งเห็นความสำคัญของบาร์โค้ดมากขึ้น สังเกตได้จากมีการตั้งข้อกำหนดทางการค้าที่เกี่ยวกับบาร์โค้ดเกิดขึ้น เช่น ในการนำสินค้าเข้าห้างต้องมีการติดบาร์โค้ดที่ตัวสินค้า หรือการติดต่อค้าขายกับบางประเทศจะมีการขอใบรับรองคุณภาพบาร์โค้ด ซึ่งหากบาร์โค้ดของสินค้ามีปัญหาไม่สามารถสแกนได้จะเกิดผลกระทบตลอดทั้ง Supply Chain บาร์โค้ดจึงเป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินธุรกิจ การตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด (Barcode Verification) ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆ จุดของ Supply Chain และมั่นใจได้ว่าบาร์โค้ดที่ผลิตออกมาในแต่ละ Lot ได้คุณภาพหรือไม่นั้น จำเป็นต้องมีการการทดสอบ และเปรียบเทียบสัญลักษณ์กับมาตรฐานคุณภาพของการพิมพ์ และข้อมูล เพื่อให้ทราบว่าบาร์โค้ดอ่านค่าได้ดีแค่ไหน เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าสัญลักษณ์ จะทำงานตรงตามวัตถุประสงค์ในทุก ๆ ขั้นตอนที่สินค้าเคลื่อนที่ในสาย Supply Chain เพื่อลดปัญหาระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ หรือต้นทุนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งในการตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดนั้นไม่สามารถใช้เครื่องสแกนทั่วไปในการตรวจสอบได้ แต่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า Barcode Verifier เนื่องจากว่า เครื่องสแกนถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการอ่านเท่านั้น แต่เครื่อง Barcode Verifier จะถูกออกแบบมาเพื่อทำการวัดค่าต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของบาร์โค้ด และสามารถทราบได้ว่าต้องปรับปรุงบาร์โค้ดที่จุดใดเพื่อให้ได้คุณภาพตาม มาตรฐานที่กำหนด อีกทั้งเครื่องสแกนแต่ละตัวมีคุณสมบัติที่ต่างกัน เช่น ขนาดของรูรับแสง ระบบการถอดรหัส (decode algorithms) ดังนั้นถ้าเครื่องสแกนเครื่องหนึ่งสามารถอ่านได้ ไม่ได้หมายความว่าเครื่องสแกนเครื่องอื่นๆจะสามารถอ่านสัญลักษณ์บาร์โค้ดนี้ ได้เช่นเดียวกัน สถาบัน รหัสสากล ได้ให้บริการรับตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดตามมาตรฐาน ISO/IEC15416 และมาตรฐานสากล GS1 พร้อมทั้งออกใบรับรองผลการตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด โดยมีอัตราค่าตรวจสอบคุณภาพดังนี้ - สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสถาบันรหัสสากล มีค่าใช้จ่าย 500 บาทต่อ 1 ใบรับรอง - สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกสถาบันรหัสสากล ได้รับสิทธิประโยชน์ตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย 20 ใบรับรอง / ปี สำหรับหมายเลขที่เกินสิทธิประโยชน์มีอัตราค่าใช้จ่าย 250 บาท ต่อ 1 ใบรับรอง
การคำนวณตัวเลขตรวจสอบ (Check Digit) เลขตรวจสอบ (Check Digit) เป็นหมายเลขหลักสุดท้ายที่วางอยู่ในตำแหน่งขวาสุดของชุดตัวเลขบาร์โค้ด และ “Check Digit” นี้เกิดขึ้นจากการคำนวณเท่านั้น ซึ่งจะไม่สามารถระบุกำหนดค่าตัวเลขนี้เองได้ เนื่องจากหากมีการระบุให้หลักสุดท้ายเป็นเลข 9 หรือเลขอื่นตามที่ต้องการนั้น ทั้งๆ ที่ Check Digit ที่คำนวณออกมาไม่ใช่เลขนั้น ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นทันที คือ เครื่องสแกนเนอร์จะไม่สามารถอ่านค่าสัญลักษณ์บาร์โค้ดนั้นได้
คำนวณตัวเลขตรวจสอบ
เลขหมายประจำตัวสินค้า (Global Trade Item Number: GTIN) การระบุตัวตนของสินค้า (Identification of Trade Items) อาศัยเลขหมายประจำตัวสินค้าสากล (GTIN : Global Trade Item Number) โดยเลขหมายดังกล่าวใช้บ่งชี้เฉพาะรายการสินค้า ที่ใช้ในการทำธุรกรรมธุรกิจทั่วโลก ซึ่งหมายถึงรายการใดๆ ก็ตามไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้าหรือบริการ ที่สามารถใช้ในการอ้างอิงเพื่อจัดเก็บและค้นหาข้อมูลในระบบฐานข้อมูลระหว่างคู่ค้า อาทิเช่น ชนิดสินค้า, การกำหนดราคา, การสั่งซื้อ, หรือการจัดส่งสินค้า เป็นต้น โดยเลขหมายประจำตัวสินค้าจะประกอบด้วย รหัสประเทศ, เลขหมายประจำตัวสมาชิกหรือรหัสประจำตัวบริษัท, รหัสประจำตัวสินค้าที่ผู้ใช้งานเป็นผู้กำหนดเอง และตัวเลขตรวจสอบที่ได้จากการคำนวณ
เลขหมายประจำตำแหน่งที่ตั้ง (Global Location Number : GLN) เลขหมาย GLN ถูกนำมาใช้เพื่อบ่งชี้ การเป็นหน่วยงานที่ถูกต้องทางกฏหมายของการเป็นองกรหนึ่ง หรือบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เลขหมาย GLN นี้ยังถูกนำมาใช้บ่งชี้สถานที่ตั้งทางกายภาพ หรือหน้าที่ของหน่วยงาน และแผนกงานในองค์กร เลขหมายประจำตำแหน่งที่ตั้งสากล หรือ GLN เป็นเลขหมายบ่งชี้ที่ใช้แทนหน่วยที่ตั้งองค์กรทางกายภาพหรือหน่วยทางหน้าที่หรือหน่วยงานที่ถูกต้องทางกฏหมาย การใช้เลขหมายประจำตำแหน่งเหล่านี้ เป็นข้อกำหนดบังคับเบื่องต้น สำหรับการใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพ
DataBar : RSS (Reduced Space Symbology) GS1 DataBar คือบาร์โค้ดอีกรูปแบบหนึ่งที่มีขนาดเล็ก และบันทึกข้อมูลได้มากกว่าบาร์โค้ดในรูปแบบ EAN/UPC ซึ่งในอดีตมีชื่อเรียกว่า RSS (Reduced Space Symbology) โดยบาร์โค้ด GS1 DataBar นี้สามารถบรรจุข้อมูลที่สามารถทำการสืบย้อนกลับที่มาของสินค้าได้ ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกสามารถจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศที่ มีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบาร์โค้ด GS1 DataBar สามารถระบุการใช้งานร่วมกับหมายเลข Application Identifiers (AIs) เช่น ข้อมูลวันที่ผลิต, วันที่หมดอายุ, น้ำหนัก เป็นต้น จากความสามารถดังกล่าวทำให้ GS1 DataBarเป็นบาร์โค้ดที่เหมาะสมกับการระบุสินค้าที่มีหน่วยการขายไม่คงที่ (Variable measure product) เช่น อาหารสด ผลไม้ หรืออาจใช้กับสินค้าที่มีขนาดเล็ก เช่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงสินค้าที่มีราคาแพง เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมยา อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องสำอาง และอัญมณี เป็นต้น การ ใช้งานบาร์โค้ด GS1 DataBar นอกจากจะมีการใช้กับสินค้าปลีกแล้ว สามารถใช้กับสินค้าส่ง ณ จุดกระจายสินค้าได้อีกด้วย เนื่องจากโครงสร้างของ GS1 DataBar นั้นรองรับระบบ GTIN-14 ที่สามารถรวมอยู่ในสัญลักษณ์บาร์โค้ด GS1 DataBar จึงเป็นไปได้ว่าจะมีการใช้งาน DataBar เพื่อการกระจายสินค้าในอนาคต คณะกรรมการ GS1 Global ได้กำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นวันเริ่มต้นการใช้งาน GS1 DataBar อย่างเป็นทางการทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำ GS1 DataBar มาใช้ ณ จุด POS (Point-of-Sale) บ้างแล้ว โดยกำหนดให้ POS ทุกๆ จุดมีความพร้อมในการรองรับ GS1 DataBar ทั้งในส่วนของข้อมูลทางเทคนิค ขั้นตอนการระบุการใช้งาน Application Identifiers (AIs) และเครื่องมือที่ใช้สนับสนุนระบบการค้าปลีกทั้งหมด ประโยชน์ของ GS1 DataBar ที่มีต่อธุรกิจ 1. สามารถระบุความแตกต่างของสินค้าได้เป็นรายชิ้น 2. เพิ่มความแม่นยำในการบ่งชี้ตัวสินค้าที่มีปริมาณน้ำหนักที่ไม่แน่นอน 3. ลดกระบวนการควบคุมการทำงาน 4. เพิ่มความสามารถในการสืบย้อนกลับ 5. เพิ่มประสิทธิภาพในการเติมเต็มสินค้าในคลังสินค้า 6. จัดการในส่วนที่บาร์โค้ดในระบบเดิมไม่ครอบคลุม 7. ช่วยในการจัดการข้อมูลให้สะดวกขึ้น 8. สามารถใส่ราคาสินค้าได้มากกว่า 4 หลัก (ระบบเดิมระบุได้เพียง 99.99) 9. ช่วยจัดการข้อมูลเกี่ยวกับผู้จำหน่าย หรือวันที่หมดอายุ 10. ช่วยจัดการข้อมูลในส่วนของน้ำหนักสินค้า 11. เพิ่มความสามารถในการสแกนที่ใช้ร่วมกับสินค้าที่มีขนาดเล็ก 12. ทำให้ทราบถึง ECR (Efficient Consumer Response) 13. ตอบสนองความสามารถของผู้ซื้อสินค้าได้มากกว่าระบบบาร์โค้ด 14. ความสามารถในการควบคุมการลดราคาสินค้า 15. สามารถสืบย้อนกลับข้อมูลของประเทศผู้ผลิต 16. ความสามารถในการระงับการขายสินค้าที่หมดอายุ และการเรียกคืนสินค้า 17. เพิ่มความพอใจของลูกค้าที่สามารถสืบย้อนกลับข้อมูลของสินค้าได้ด้วยตนเอง
ตัวอย่างสัญลักษณ์ GS1 DataBar ในรูปแบบต่างๆ
1. GS1 DataBar Stacked Omnidirectional เหมาะสำหรับการระบุสินค้าอาหารสด และสินค้าที่มีขนาดเล็ก สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN เท่านั้น
2. GS1 DataBar Omnidirectional เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีขนาดเล็ก สามารถ
3. GS1 DataBar Expanded เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีปริมาตรน้ำหนักที่ไม่แน่นอน สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN และรายละเอียดที่จำเป็นเพิ่มเติมได้
4. GS1 DataBar Expanded Stacked เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีปริมาตรน้ำหนักที่ไม่แน่นอน สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN และรายละเอียดที่จำเป็นเพิ่มเติมได้
ดูข้อมูล เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.vayomerchant.com/pos/Barcode-Printer
บริษัทขายส่ง อุปกรณ์ POS & IT และ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ครบวงจร บาร์โค้ด แต่ละประเภท
บาร์โค้ด แต่ละประเภท เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ EPSON
บาร์โค้ด แต่ละประเภท เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ EPSON เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ EPSON
เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ EPSON ดูข้อมูล เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.vayomerchant.com/pos/Barcode-Printer
บริษัทขายส่ง อุปกรณ์ POS & IT และ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ครบวงจร
ชนิดของบาร์โค้ด - GTIN 13 เป็นบาร์โค้ดที่ใช้ติดบนสินค้าสำหรับขายปลีกทั่วไป
- GTIN 14 เป็นบาร์โค้ดใช้สำหรับสินค้าค้าส่ง โดยสามารถบอกถึงความแตกต่างของหน่วยบรรจุภัณฑ์
- GS1-128 เป็นบาร์โค้ดที่สามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งตัวเลขและตัวอักษร จึงสามารถบันทึกข้อมูลของสินค้าได้มาก เช่น หน่วยวัดต่างๆ,เลขหมายลำดับการขนส่ง,เลขหมาย batch/lot,วันหมดอายุและสถานที่ตั้ง เป็นต้น ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนและระบบการสืบค้นย้อนกลับ (traceability) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10 ขั้นตอนการประยุกต์ใช้บาร์โค้ด 10 ขั้นตอนการประยุกต์ใช้บาร์โค้ด เพื่อยกระดับในการดำเนินธุรกิจ เป็นการรวบรวมกระบวนการหลักที่สำคัญของการใช้งานบาร์โค้ดให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพต่อการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งสามารถนำไปพัฒนาหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการใช้งานบาร์โค้ดได้อย่างแท้จริง โดย 10 ขั้นตอนมีดังนี้ Step 1 การกำหนดเลขหมายนำหน้าบริษัท Step 2 การกำหนดเลขหมายประจำตัวสินค้า Step 3 การเลือกวิธีจัดพิมพ์บาร์โค้ด Step 4 การเลือกคุณลักษณะขั้นต้นของการสแกนบาร์โค้ด Step 5 การเลือกใช้บาร์โค้ดสำหรับผลิตภัณฑ์ Step 6 การเลือกขนาดของบาร์โค้ด Step 7 รูปแบบการกำหนดตัวอักษรในบาร์โค้ด Step 8 การเลือกคู่สีของแท่งบาร์โค้ด Step 9 การวางตำแหน่งบาร์โค้ด Step 10 วางแผนควบคุมคุณภาพบาร์โค้ด
การตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด ปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีบาร์โค้ดตามระบบมาตรฐานสากล GS1 ในการบริหารจัดการร่วมกับ Software ต่าง ๆ ในการดำเนินงานธุรกิจอย่างกว้างขวาง เช่น การชำระเงิน ณ จุดขาย, การสแกนรับสินค้าเข้า Stock หรือตัดจ่ายสินค้าออกจาก Stock, การบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ทางด้าน Traceability เป็นต้น และสามารถใช้งานได้กับทุกหน่วยงานใน Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้เล็งเห็นความสำคัญของบาร์โค้ดมากขึ้น สังเกตได้จากมีการตั้งข้อกำหนดทางการค้าที่เกี่ยวกับบาร์โค้ดเกิดขึ้น เช่น ในการนำสินค้าเข้าห้างต้องมีการติดบาร์โค้ดที่ตัวสินค้า หรือการติดต่อค้าขายกับบางประเทศจะมีการขอใบรับรองคุณภาพบาร์โค้ด ซึ่งหากบาร์โค้ดของสินค้ามีปัญหาไม่สามารถสแกนได้จะเกิดผลกระทบตลอดทั้ง Supply Chain บาร์โค้ดจึงเป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินธุรกิจ การตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด (Barcode Verification) ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆ จุดของ Supply Chain และมั่นใจได้ว่าบาร์โค้ดที่ผลิตออกมาในแต่ละ Lot ได้คุณภาพหรือไม่นั้น จำเป็นต้องมีการการทดสอบ และเปรียบเทียบสัญลักษณ์กับมาตรฐานคุณภาพของการพิมพ์ และข้อมูล เพื่อให้ทราบว่าบาร์โค้ดอ่านค่าได้ดีแค่ไหน เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าสัญลักษณ์ จะทำงานตรงตามวัตถุประสงค์ในทุก ๆ ขั้นตอนที่สินค้าเคลื่อนที่ในสาย Supply Chain เพื่อลดปัญหาระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ หรือต้นทุนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งในการตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดนั้นไม่สามารถใช้เครื่องสแกนทั่วไปในการตรวจสอบได้ แต่ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า Barcode Verifier เนื่องจากว่า เครื่องสแกนถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการอ่านเท่านั้น แต่เครื่อง Barcode Verifier จะถูกออกแบบมาเพื่อทำการวัดค่าต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของบาร์โค้ด และสามารถทราบได้ว่าต้องปรับปรุงบาร์โค้ดที่จุดใดเพื่อให้ได้คุณภาพตาม มาตรฐานที่กำหนด อีกทั้งเครื่องสแกนแต่ละตัวมีคุณสมบัติที่ต่างกัน เช่น ขนาดของรูรับแสง ระบบการถอดรหัส (decode algorithms) ดังนั้นถ้าเครื่องสแกนเครื่องหนึ่งสามารถอ่านได้ ไม่ได้หมายความว่าเครื่องสแกนเครื่องอื่นๆจะสามารถอ่านสัญลักษณ์บาร์โค้ดนี้ ได้เช่นเดียวกัน สถาบัน รหัสสากล ได้ให้บริการรับตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดตามมาตรฐาน ISO/IEC15416 และมาตรฐานสากล GS1 พร้อมทั้งออกใบรับรองผลการตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ด โดยมีอัตราค่าตรวจสอบคุณภาพดังนี้ - สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสถาบันรหัสสากล มีค่าใช้จ่าย 500 บาทต่อ 1 ใบรับรอง - สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกสถาบันรหัสสากล ได้รับสิทธิประโยชน์ตรวจสอบคุณภาพบาร์โค้ดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย 20 ใบรับรอง / ปี สำหรับหมายเลขที่เกินสิทธิประโยชน์มีอัตราค่าใช้จ่าย 250 บาท ต่อ 1 ใบรับรอง
การคำนวณตัวเลขตรวจสอบ (Check Digit) เลขตรวจสอบ (Check Digit) เป็นหมายเลขหลักสุดท้ายที่วางอยู่ในตำแหน่งขวาสุดของชุดตัวเลขบาร์โค้ด และ “Check Digit” นี้เกิดขึ้นจากการคำนวณเท่านั้น ซึ่งจะไม่สามารถระบุกำหนดค่าตัวเลขนี้เองได้ เนื่องจากหากมีการระบุให้หลักสุดท้ายเป็นเลข 9 หรือเลขอื่นตามที่ต้องการนั้น ทั้งๆ ที่ Check Digit ที่คำนวณออกมาไม่ใช่เลขนั้น ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นทันที คือ เครื่องสแกนเนอร์จะไม่สามารถอ่านค่าสัญลักษณ์บาร์โค้ดนั้นได้
คำนวณตัวเลขตรวจสอบ
เลขหมายประจำตัวสินค้า (Global Trade Item Number: GTIN) การระบุตัวตนของสินค้า (Identification of Trade Items) อาศัยเลขหมายประจำตัวสินค้าสากล (GTIN : Global Trade Item Number) โดยเลขหมายดังกล่าวใช้บ่งชี้เฉพาะรายการสินค้า ที่ใช้ในการทำธุรกรรมธุรกิจทั่วโลก ซึ่งหมายถึงรายการใดๆ ก็ตามไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้าหรือบริการ ที่สามารถใช้ในการอ้างอิงเพื่อจัดเก็บและค้นหาข้อมูลในระบบฐานข้อมูลระหว่างคู่ค้า อาทิเช่น ชนิดสินค้า, การกำหนดราคา, การสั่งซื้อ, หรือการจัดส่งสินค้า เป็นต้น โดยเลขหมายประจำตัวสินค้าจะประกอบด้วย รหัสประเทศ, เลขหมายประจำตัวสมาชิกหรือรหัสประจำตัวบริษัท, รหัสประจำตัวสินค้าที่ผู้ใช้งานเป็นผู้กำหนดเอง และตัวเลขตรวจสอบที่ได้จากการคำนวณ
เลขหมายประจำตำแหน่งที่ตั้ง (Global Location Number : GLN) เลขหมาย GLN ถูกนำมาใช้เพื่อบ่งชี้ การเป็นหน่วยงานที่ถูกต้องทางกฏหมายของการเป็นองกรหนึ่ง หรือบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เลขหมาย GLN นี้ยังถูกนำมาใช้บ่งชี้สถานที่ตั้งทางกายภาพ หรือหน้าที่ของหน่วยงาน และแผนกงานในองค์กร เลขหมายประจำตำแหน่งที่ตั้งสากล หรือ GLN เป็นเลขหมายบ่งชี้ที่ใช้แทนหน่วยที่ตั้งองค์กรทางกายภาพหรือหน่วยทางหน้าที่หรือหน่วยงานที่ถูกต้องทางกฏหมาย การใช้เลขหมายประจำตำแหน่งเหล่านี้ เป็นข้อกำหนดบังคับเบื่องต้น สำหรับการใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพ
DataBar : RSS (Reduced Space Symbology) GS1 DataBar คือบาร์โค้ดอีกรูปแบบหนึ่งที่มีขนาดเล็ก และบันทึกข้อมูลได้มากกว่าบาร์โค้ดในรูปแบบ EAN/UPC ซึ่งในอดีตมีชื่อเรียกว่า RSS (Reduced Space Symbology) โดยบาร์โค้ด GS1 DataBar นี้สามารถบรรจุข้อมูลที่สามารถทำการสืบย้อนกลับที่มาของสินค้าได้ ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกสามารถจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศที่ มีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบาร์โค้ด GS1 DataBar สามารถระบุการใช้งานร่วมกับหมายเลข Application Identifiers (AIs) เช่น ข้อมูลวันที่ผลิต, วันที่หมดอายุ, น้ำหนัก เป็นต้น จากความสามารถดังกล่าวทำให้ GS1 DataBarเป็นบาร์โค้ดที่เหมาะสมกับการระบุสินค้าที่มีหน่วยการขายไม่คงที่ (Variable measure product) เช่น อาหารสด ผลไม้ หรืออาจใช้กับสินค้าที่มีขนาดเล็ก เช่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงสินค้าที่มีราคาแพง เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมยา อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องสำอาง และอัญมณี เป็นต้น การ ใช้งานบาร์โค้ด GS1 DataBar นอกจากจะมีการใช้กับสินค้าปลีกแล้ว สามารถใช้กับสินค้าส่ง ณ จุดกระจายสินค้าได้อีกด้วย เนื่องจากโครงสร้างของ GS1 DataBar นั้นรองรับระบบ GTIN-14 ที่สามารถรวมอยู่ในสัญลักษณ์บาร์โค้ด GS1 DataBar จึงเป็นไปได้ว่าจะมีการใช้งาน DataBar เพื่อการกระจายสินค้าในอนาคต คณะกรรมการ GS1 Global ได้กำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2557 เป็นวันเริ่มต้นการใช้งาน GS1 DataBar อย่างเป็นทางการทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำ GS1 DataBar มาใช้ ณ จุด POS (Point-of-Sale) บ้างแล้ว โดยกำหนดให้ POS ทุกๆ จุดมีความพร้อมในการรองรับ GS1 DataBar ทั้งในส่วนของข้อมูลทางเทคนิค ขั้นตอนการระบุการใช้งาน Application Identifiers (AIs) และเครื่องมือที่ใช้สนับสนุนระบบการค้าปลีกทั้งหมด ประโยชน์ของ GS1 DataBar ที่มีต่อธุรกิจ 1. สามารถระบุความแตกต่างของสินค้าได้เป็นรายชิ้น 2. เพิ่มความแม่นยำในการบ่งชี้ตัวสินค้าที่มีปริมาณน้ำหนักที่ไม่แน่นอน 3. ลดกระบวนการควบคุมการทำงาน 4. เพิ่มความสามารถในการสืบย้อนกลับ 5. เพิ่มประสิทธิภาพในการเติมเต็มสินค้าในคลังสินค้า 6. จัดการในส่วนที่บาร์โค้ดในระบบเดิมไม่ครอบคลุม 7. ช่วยในการจัดการข้อมูลให้สะดวกขึ้น 8. สามารถใส่ราคาสินค้าได้มากกว่า 4 หลัก (ระบบเดิมระบุได้เพียง 99.99) 9. ช่วยจัดการข้อมูลเกี่ยวกับผู้จำหน่าย หรือวันที่หมดอายุ 10. ช่วยจัดการข้อมูลในส่วนของน้ำหนักสินค้า 11. เพิ่มความสามารถในการสแกนที่ใช้ร่วมกับสินค้าที่มีขนาดเล็ก 12. ทำให้ทราบถึง ECR (Efficient Consumer Response) 13. ตอบสนองความสามารถของผู้ซื้อสินค้าได้มากกว่าระบบบาร์โค้ด 14. ความสามารถในการควบคุมการลดราคาสินค้า 15. สามารถสืบย้อนกลับข้อมูลของประเทศผู้ผลิต 16. ความสามารถในการระงับการขายสินค้าที่หมดอายุ และการเรียกคืนสินค้า 17. เพิ่มความพอใจของลูกค้าที่สามารถสืบย้อนกลับข้อมูลของสินค้าได้ด้วยตนเอง
ตัวอย่างสัญลักษณ์ GS1 DataBar ในรูปแบบต่างๆ
1. GS1 DataBar Stacked Omnidirectional เหมาะสำหรับการระบุสินค้าอาหารสด และสินค้าที่มีขนาดเล็ก สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN เท่านั้น
2. GS1 DataBar Omnidirectional เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีขนาดเล็ก สามารถ
3. GS1 DataBar Expanded เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีปริมาตรน้ำหนักที่ไม่แน่นอน สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN และรายละเอียดที่จำเป็นเพิ่มเติมได้
4. GS1 DataBar Expanded Stacked เหมาะสำหรับการระบุสินค้าที่มีปริมาตรน้ำหนักที่ไม่แน่นอน สามารถบันทึกข้อมูลเลขหมาย GTIN และรายละเอียดที่จำเป็นเพิ่มเติมได้
ดูข้อมูล เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รุ่นอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ : http://www.vayomerchant.com/pos/Barcode-Printer
บริษัทขายส่ง อุปกรณ์ POS & IT และ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ครบวงจร บาร์โค้ด แต่ละประเภท
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)